

Entertainment
หลังจากนั้นชีวิตผมก็ไม่เหมือนเดิม: หนังเรื่องไหนที่ดูแล้ว “เปลี่ยนชีวิต”ของคุณ?
By: unlockmen June 24, 2019 151331
เราเกิด เติบโต ใช้ชีวิตจนมีความคิดแบบหนึ่ง ความเชื่อแบบหนึ่ง ความรู้สึกแบบหนึ่ง แล้ววันหนึ่ง “บางสิ่งบางอย่าง” เข้ามากระแทกชีวิตเรา สั่นสะเทือนทุกสิ่งที่เราเคยเชื่อ เคยคิด เคยเป็น เคยรู้สึก จากนั้นชีวิตของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เพราะ “บางสิ่งบางอย่าง” ทำให้เราเห็นโลกในมุมอื่นที่เราไม่เคยเห็น ทำให้เราได้คิดแบบใหม่อย่างที่เราไม่เคยคิด หรือทำให้เรามีความรู้สึกบางแบบที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน บางสิ่งบางอย่างที่ว่าอาจเป็นใครสักคน เหตุการณ์สักเหตุการณ์ หนังสือสักเล่ม เพลงสักเพลง และใช่ อาจเป็นหนังสักเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล
แต่ละคนจึงมี “หนังเปลี่ยนชีวิต” เป็นของตัวเอง UNLOCKMEN ชวนมาดูหนังเปลี่ยนชีวิตของพวกเรา เผื่อมันจะตรงกับหนังเปลี่ยนชีวิตของคุณ ทำให้คุณนึกถึงหนังเปลี่ยนชีวิตของตัวเองขึ้นมา หรือทำให้คุณจำได้ว่าชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากดูหนังเรื่องนั้นมันมีรายละเอียดชวนนึกถึงเพียงใด
เราทุกคนมีเงื่อนไขในชีวิตไม่เหมือนกัน The Fault in Our Stars เล่าเรื่องราวของหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่มีเงื่อนไขในชีวิตเป็นความเจ็บป่วยทางร่างกาย หนังไม่ได้พาเราไปฟูมฟายเศร้าสร้อยกับสาวน้อยเป็นโรค แต่หนังทำให้เห็นชีวิต เห็นความหวัง และพาคุณไปพบบทเรียนบางอย่างที่เราเชื่อว่าคุณจะต้องฉุกคิดถึงชีวิตตัวเองแน่นอน
KAENG’S OPINION: “ชอบที่หนังสื่อเป็นนัยว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน แม้คนที่ป่วยเจียนตายก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ในทางตรงกันข้ามคนที่ดูจะไม่เป็นอะไรกลับจากโลกนี้ไปรวดเร็วอย่างน่าใจหาย
มันเป็นหนังที่เปลี่ยนความคิดเรา ทำให้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน และทำให้อยากทำทุกวันให้ดีที่สุด อยากทำอะไรก็ทำ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความตายจะพรากสัมผัสสุดท้ายออกไปจากชีวิตเรา”
ลำพังแค่เพลง Oasis ก็เป็นตำนานจนเอาเรื่องราวของวงมาทำหนังผู้ชายอย่างเราก็ต้องตะลึงตะลานอยู่แล้ว แต่ Oasis: Supersonic สั่นสะเทือนไปอีกระดับตรงที่เป็นหนังสารคดี ภาพจริง ฟุตเทจจริง ศิลปินจริง ๆ จึงยิ่งทำให้ Oasis: Supersonic เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกบาดลึก ทั้งความยิ่งใหญ่ ทั้งบาดแผล ทั้งความปวดเจ็บ ไม่แปลกเลยที่ถ้าคุณดูแล้วจะอินในบางเหตุการณ์ บางความรู้สึก บางบทเพลงจนไม่อาจรู้สึกกับ Oasis เหมือนเดิมอีกต่อไป
BOOK’S OPINION: “จากความสัมพันธ์ของพี่น้องสู่วงดนตรีร็อกแห่งยุค 90’s เราได้เห็นแง่มุมของ ป๋าโนล ป๋าเลียม ในอีกมุมนึง จากคู่พี่น้องที่รักกันหรือเกลียดกัน ก็ไม่แน่ใจ แต่ในมุมลึก ๆ ของทั้งคู่ มีส่วนละเอียดอ่อน โนล ไม่ได้เป็นผู้ชายนุ่มนวล เลียมก็ไม่ได้เป็นผู้ชายที่แข็งกระด้าง ทำให้เรายิ่งอินไปกับบทเพลงที่ทั้งคู่ถ่ายทอดออกมามากขึ้น ฟังทีไรก็นึกถึงเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นในหนังทุกที ฟังเพลงของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเลย”
ใครจะคิดว่าแอนิเมชันสีสันสดใสจะกลายเป็น “หนังเปลี่ยนชีวิต” ได้ แต่บอกเลยว่าอย่าประมาท Coco เด็ดขาด Coco เล่าเรื่องมิเกลเด็กชายวัย 12 ที่ชอบร้องเพลง แต่ครอบครัวของเขาดันมีกฎเหล็กห้ามใครในครอบครัวร้องเพลงหรือเล่นดนตรีทั้งนั้นเนื่องจากอดีตฝังใจของผู้เป็นย่าทวด เรื่องราวเข้มข้นตอนที่มิเกลย่องไปขโมยกีตาร์จากหลุมศพนักร้องคนโปรดผู้ล่วงลับ จนเขาหลุดไปยังโลกหลังความตายที่ที่ทำให้เขาเข้าใจความหมายของชีวิต ความสัมพันธ์ ความรักและครอบครัวอย่างที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
NHAMTOEY’S OPINION: “ในทุกวันเรามีความสุขกับครอบครัวโดยหลงลืมว่าโลกใบนี้ไม่มีคำว่าตลอดไป Coco คือภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่เปลี่ยนเราถึงแม้จะดำเนินเรื่องผ่านการ์ตูนแต่ก็เสนอมุมมองให้ตระหนักถึงการใส่ใจคนในครอบครัวได้อย่างชัดเจน
เมื่อก่อนเราอาจทำงานหนัก มัวแต่เที่ยวเล่น หรือมีเรื่องอื่น ๆ ให้จดจ่อจนมองข้ามบางอย่าง แต่ Coco ทำให้ตอนนี้เราไม่ลืมที่จะกลับไปถามพ่อว่าวันนี้ไปเจออะไรมาบ้าง เลิกรำคาญในบางครั้งที่ยายถามอะไรซ้ำ ๆ หรือเลิกขำกับสติกเกอร์สวัสดีแต่ละวันที่แม่จะส่งมาทุกเช้าเพราะสิ่งเหล่านี้คือเครื่องยืนยันว่าเรายังมีพวกเขาอยู่
แต่นอกจากหันมาใส่ใจคนในครอบครัวมากขึ้น Coco ก็ยังเผยแง่คิดให้เตรียมรับมือกับการจากไปที่ยังไงก็ต้องมาถึงสักวัน ทำให้เราเข้าใจว่าถึงแม้ชีวิตจะตายจาก แต่พวกเขาก็จะไม่ตายไปจากความทรงจำ”
Eternal Sunshine of the Spotless Mind พาเราเข้าถึงประสบการณ์ความสัมพันธ์สุดซับซ้อนทั้งของตัวละครหลักและรองลงไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรามีความสัมพันธ์แต่ต้องจบลงด้วยความเจ็บปวดจนเราอยากลบมันทิ้ง? Eternal Sunshine of the Spotless Mind เล่าถึงหญิงชายคู่หนึ่งที่ตัดสินใจลบกันและกันออกจากความทรงจำเพราะไม่อยากนึกถึงอีกฝั่งแล้วต้องเจ็บปวดอีก แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการลบความทรงจำไม่ใช่ทางออก เพราะต่อให้เราลืมว่าเคยรักคนคนนี้ แต่เมื่อมาเจอกันอีกครั้งเราก็ยังตกหลุมรักเขาใหม่ซ้ำ ๆ ได้อยู่ดี
BE’S OPINION: “เรื่องนี้ดูมานานแล้วจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แต่ที่จำได้คือความคิดหลังดูจบชีวิตก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรขนาดนั้น แต่มีช่วงนึงที่เริ่มคิดว่าถ้าเราลืมความเจ็บปวดไปได้ก็คงดี แต่พอได้ดูหนังเรื่องนี้มันทำให้เราตระหนักว่าถ้าเราลืมเรื่องที่เราเจ็บปวดไป เราก็จะกลับไปทำให้ตัวเองเจ็บในสิ่งเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนความทรงจำที่เจ็บปวดคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้นั่นแหละ ที่เราต้องจดจำความเจ็บปวดเพื่อพยายามผ่านมันไปและไม่กลับไปทำซ้ำอีก ดีกว่าลืมมันแล้วทำให้ตัวเองเสียใจซ้ำ”
แอนิเมชันอีกเรื่องที่ภาพสวยชวนตะลึง ว่าด้วยเรื่องของนักเรียนหญิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในชนบทที่ดวงดาวทำให้เธอเชื่อมโยงกับนักเรียนชายในกรุงโตเกียวที่เบื่อชีวิตในเมืองอยู่เช่นกัน Your Name ไม่ได้เล่าเรื่องแฟนตาซีสไตล์แอนิเมชันญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สั่นสะเทือนความรู้สึกและเปลี่ยนมุมมองในชีวิตคุณได้แน่นอน ส่วนภาพก็สวยจับใจและดนตรีก็ชวนให้ตกหลุมรักจริง ๆ
GAME’S OPINION: “ปกติไม่ค่อยดูแอนิเมชัน แต่เรื่องนี้ประทับใจและก็ทำให้เราน้ำตาคลอได้ การตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเราสลับร่างกับคนอื่นและกลายเป็นความผูกพันทั้งที่ไม่รู้จักชื่อกัน ที่สำคัญภาพสวยสุด ๆ ได้เห็นเมืองและวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น”
หนังที่เปลี่ยนชีวิตคนอื่น อาจไม่ได้เปลี่ยนชีวิตเรา หนังที่เปลี่ยนชีวิตเรา คนอื่นดูแล้วอาจเฉย ๆ เพราะทุกชีวิตมีรายละเอียดเป็นของตัวเอง แล้วคุณล่ะ หนังเปลี่ยนชีวิตของคุณคือเรื่องอะไร และมันเปลี่ยนเสี้ยวใดของชีวิตคุณไปบ้าง?