

Entertainment
พบพานเพื่อจากลา กลับมาเพื่อเข้าใจ ถอดรหัสความสัมพันธ์จาก ‘BEFORE TRILOGY’ ที่ใช้เวลาเพาะบ่มกว่า 18 ปี
By: unlockmen April 22, 2019 144983
บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง Before Sunrise, Before Sunset, และ Before Midnight
Jesse: “Oh, wow! Notre Dame…man, check that out!”
Celine: Oh, wow!
ข่าวเพลิงไหม้ของมหาวิหาร Notre Dame ในกรุงปารีส ทำให้เราหวนนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Before Sunset ที่เกือบจะหลงลืมไปแล้ว เราไม่มีความผูกพันกับมหาวิหารแห่งนี้เลย ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และประสบการณ์ ภาพยนตร์เรื่องจึงเปรียบเสมือนความเกี่ยวดองเดียวที่เรามีต่อ Notre Dame Cathedral
ข่าวนี้ทำให้เราระลึกขึ้นได้ว่าเราเคยชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มาก และไม่ใช่แค่ Before Sunset เท่านั้น เราหลงรักทุกเรื่องใน Before Trilogy ( Before Sunrise Before Sunset และ Before Midnight) ภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เราเป็นเราเช่นในปัจจุบัน ทั้งในแง่ความคิด มุมมอง และทัศนคติต่าง ๆ
ภาพยนตร์ 3 เรื่องที่ใช้เวลาเพาะบ่มนานกว่า 18 ปี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่ ‘จริง’ ราวกับไม่มีบท ไม่มีการกำกับ และนอกจากนั้นมันยังแฝงไปด้วยแง่มุมด้านความรักที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งเราจะมาพูดถึงในวันนี้
หนุ่มสาวแปลกหน้า 2 คน พบเจอกันโดยบังเอิญบนขบวนรถไฟสายหนึ่งในยุโรป ฝ่ายชายเป็นหนุ่มหัวก้าวหน้าจากอเมริกา เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนฝ่ายหญิงเป็นสาวผู้รักศิลปะจากฝรั่งเศส มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน ต่างคนต่างที่มา ต่างจุดหมาย แต่ด้วยบทสนทนาในโบกี้ที่วิ่งอยู่ อะไรบางอย่างทำให้ทั้งคู่พากันลงรถไฟที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
Jesse และ Celine ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน 1 คืนในเมืองดนตรีแห่งนี้ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่ก็แยกจากกัน ฟังดูเป็นความสัมพันธ์ชั่วคราวตามประสาวัยรุ่นรักสนุก แต่ใครจะรู้ว่าแค่เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงจะทำให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากมาย ทั้งคู่ต่างจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความรักในเวลาอันสั้น รู้ตัวอีกทีการจากลาที่ดูจะเป็นเรื่องง่ายก็ไม่ง่ายเสียแล้ว
เราเชื่อว่าทุกคนต้องมี ‘ใครสักคน’ ในชีวิต ใครสักคนที่เราตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำ ไร้ซึ่งเหตุผลหรือคำอธิบาย รู้เพียงแต่ว่าถ้าในชั่วชีวิตที่เหลือได้ใช้ร่วมกับคนนี้ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ยอม
ข่าวร้ายสำหรับตัวละคร Jesse และ Celine ก็คือ ทั้งคู่ต่างเป็นใครสักคนของกันและกัน แต่พวกเขาอยู่ห่างกันคนละซีกโลก การพบกันครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวที่ไม่มีวันเป็นจริง ความรู้สึกเหล่านี้ติดอยู่ในก้นบึ้งหัวใจตั้งแต่ตัดสินใจลงรถไฟมาด้วยกัน ก่อนจะค่อย ๆ ชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพระอาทิตย์คืบคลานโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า ถึงแม้จะฉาบไปด้วยบทสนทนาแสนโรแมนติกก็ตาม
‘ต่อให้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังอยากครอบครอง’
ไม่มีใครฝืนชะตากรรมได้ เมื่อเวลาแห่งการจากลามาถึง ณ ชานชลาเดิมที่ทั้งคู่เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้ เต็มไปด้วยความโหยหาอาวรณ์ แต่ก่อนจะปล่อยมือจากกัน ทั้งคู่ไม่อาจทานทนความรู้สึกตัวเองได้ จึงเอ่ยปากออกมาว่า ‘อีก 6 เดือนเจอกันที่นี่’ แล้วรถไฟก็แล่นออกไป
‘คนบางคนเข้ามาในชีวิตเราเพื่อเติมเต็มในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เขาไม่อาจอยู่ตรงนี้ได้เสมอไป เป็นสิ่งที่ต้องทำใจยอมรับ’
เพราะความจริงไม่สวยงามเหมือนฝัน ทั้งคู่จึงไม่ได้เจอกันในอีก 6 เดือนถัดมา
9 ปีต่อมา Jesse ได้กลายเป็นนักเขียนชื่อดังระดับโลก จากนิยายชื่อ This Time ที่เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลา 1 คืนที่เคยใช้ร่วมกับ Celine ในเวียนนา โชคนำพาให้เขาได้มางานโปรโมตหนังสือในปารีส ชะตานำพาให้ Celine มาร่วมงานในวันนั้น ทั้งคู่ได้พบกันหลังการพลัดพรากที่ยาวนานกว่าทศวรรษ
ไม่มีการกระโดดสวมกอด ไม่มีคำพูดหวานซึ้ง ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตา ทั้งคู่เริ่มต้นบทสนทนาด้วยความเรียบง่าย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ชีวิต การงาน ครอบครัว ก่อนที่จะพากันเดินชมเมืองปารีส
ถึงแม้ทั้งคู่จะแสดงออกกันแบบเพื่อน แต่เราในฐานะคนดูรู้ดีว่าในใจของพวกเขานั้นแทบระเบิด ความอาวรณ์ ความคิดถึง ความโหยหาที่สั่งสมมา 9 ปีปะทุอยู่ภายใน
‘ต่อให้เราปฏิเสธแค่ไหน แต่คนที่ใช่ก็คือคนที่ใช่’
เมื่อบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเริ่มหายไป จากบทสนทนาธรรมดา ๆ ก็เริ่มดิ่งลึกลงเรื่อย ๆ ราวกับทั้งคู่นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปเมื่อ 9 ปีที่แล้วอีกครั้ง
ก่อนจากลา Jesse ได้แวะไปที่ห้องของ Celine ในตอนนั้นเธอได้เล่นเพลง ๆ หนึ่งให้เขาฟัง เพลงที่เธอแต่งจากความรู้สึกที่มีต่อเขา เมื่อเพลงจบลง ก็ไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นความรู้สึกที่ทั้งคู่มีต่อกันได้อีกแล้ว Jesse ตัดสินใจทิ้งตั๋วเครื่องบิน เขารู้อย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าชีวิตที่เหลืออยากใช้กับใคร และเขาจะไม่มีวันปล่อยให้โอกาสหลุดมือเป็นครั้งที่ 2
‘เพราะบางครั้งการจากลาก็สามารถตอบคำถามได้ว่าใครคือคนที่ชีวิตเราจะขาดไม่ได้’
เดินทางข้ามเวลามาอีก 9 ปี Jesse และ Celine ได้กลายเป็นคู่สามี-ภรรยา วัยกลางคนพร้อมด้วยลูก ๆ พวกเขาได้ใช้เวลาในหน้าร้อนหนึ่งที่ประเทศกรีซ
ถึงแม้จะเป็นคนที่ใช่สำหรับกันมากแค่ไหน แต่แน่นอนว่าชีวิตคู่นั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน พวกเขาจึงอยากจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อซ่อมแซมมัน
‘ไม่ว่าจะรักกันแค่ไหน แต่การใช้ชีวิตร่วมกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย’
แต่ยิ่งพูดคุยปัญหาต่าง ๆ ยิ่งประเดประดังเข้ามา จนทั้งคู่ต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไรกันแน่ ความหวานชื่นเมื่อก่อนหายไปไหนหมด และเราจะตามหามันได้ที่ไหน
ว่ากันตามตรงความสัมพันธ์ของ Jesse และ Celine ก็ไม่ต่างอะไรจากคู่รักทั่วไป
‘ยามเมื่อรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามชังน้ำตาลยังว่าขม’
เพียงแต่มันฉาบไปด้วยฉากหลังที่สวยงามเท่านั้นเอง
นี่คือบทเรียนความรักที่เราได้เรียนรู้จากภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องนี้ มีคนเคยบอกเราว่าการจะดู Before Trilogy ให้ได้ผลดีที่สุด ต้องเว้นระยะห่างในการดูแต่ละภาค 9 ปี เพราะเราจะได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละคร และสามารถตอบคำถามได้ว่าในระยะเวลา 9 ปี นั้นความรู้สึกที่เรามีต่อคน ๆ หนึ่ง ความคิด หรือทัศนคตินั้นเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ใครที่ยังไม่เคยดูก็ลองเอาสูตรนี้ไปใช้ได้ ส่วนเราไม่ทันแล้ว เพราะทั้ง 3 ภาคเราใช้เวลาดูแค่ 1 วัน (หัวเราะ)