

Entertainment
2019 OSCARS PREDICTIONS: ใครคือผู้สร้างสรรค์เรื่องราวที่จะคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในปีนี้ไปครอง
By: unlockmen January 23, 2019 135765
มาถึงตอนที่ 3 กันแล้วสำหรับซีรีส์ 2019 Oscars Predictions ซึ่งผลทำนายของเราก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ เพราะ 2 ตอนที่ผ่านมาเราเขียนก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิง ซึ่งทั้ง 2 สาขาเราทำนายพลาดไปแค่สาขาละชื่อเท่านั้น ส่วนผู้ชนะที่เราทำนายไปจะแม่นยำหรือไม่ต้องรอติดตาม
(ย้อนอ่านตอนที่ 1-2 ของซีรีส์ 2019 Oscars Predictions ได้ตามลิงก์นี้เลย นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม)
ใน 2 ตอนก่อนหน้าเราได้วิเคราะห์และทำนายผลในสาขานักแสดงไปแล้ว คราวนี้มาถึงอีกหนึ่งสาขาที่สำคัญไม่แพ้กัน ไม่สิ อาจจะสำคัญยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะนี่คือรางวัลที่มอบให้ผู้ที่อยู่จุดศุนย์กลางของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้
เอาล่ะ ผู้เข้าชิงทั้ง 5 ในสาขา ‘ผู้กำกับยอดเยี่ยม’ ในปีนี้จะมีใครกันบ้าง และใครจะคว้ารางวัลออสการ์ครั้งที่ 91 ไปครอง เชิญอ่านบทวิเคราะห์จาก UNLOCKMEN ได้เลย
Vogue Polska
กลับมาสู่พรมแดงออสการ์อีกครั้งสำหรับผู้กำกับชาวโปแลนด์วัยเกษียณอย่าง Pawel Pawlikowski ที่เขาเคยประกาศศักดาบนเวทีแห่งนี้มาแล้วด้วยการคว้าออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘Ida’ เมื่อปี 2017
การกลับมาครั้งนี้ของเขาถือว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เพราะ ‘Cold War’ ภาพยนตร์สัญชาติโปแลนด์เรื่องนี้มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 สาขาด้วยกัน และก็คงไม่น่าแปลกใจนักถ้า 1 ใน 3 นั้นคือสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม เนื่องจากต้องยอมรับว่า Pawel ออกแบบบรรยากาศสงครามเย็นได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนั้นเขายังสามารถผสมผสานบรรยากาศหม่นทึมในภาพขาวดำเหล่านั้นให้เข้ากับเรื่องราวความรักและบทเพลงได้อย่างลงตัว
ถ้าคิดว่า Ida ยอดเยี่ยมแล้ว แต่สำหรับเรา Cold War คือผลงานของ Pawel Pawlikowski ที่เหนือกว่านั้นไปอีกขั้น
Little White Lies
จากภาพยนตร์รักสุดประหลาดที่มาพร้อมกับอารมณ์เหงาและการจิกกัดอันแสบสันใน ‘The Lobster’ สู่ภาพยนตร์ที่เปี่ยมด้วยสีสันและอารมณ์ขันมากขึ้นใน ‘The Favorite’ ถือว่าเป็นพัฒนาการที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับ Yorgos Lanthimos ผู้กำกับเลือดกรีซคนนี้
ไม้เด็ดของ Yorgos คือการทำภาพยนตร์ที่ถ้าเห็นแค่พล็อตคงต้องร้องยี้ (เช่นคนไม่มีแฟนต้องกลายร่างเป็นสัตว์ใน The Lobster, การพังทลายของชีวิตศัลยแพทย์ใน The Killing of a Sacred Deer, หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของราชินีผู้อ่อนแอกับสาวใช้ใน The Favorite เองก็ตาม) แต่เขากลับทำให้ออกมาสนุกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนั้นการออกแบบบรรยากาศการใช้ชีวิตของขุนนางอังกฤษในศตวรรษที่ 18 Yorgos ก็ทำได้ยอดเยี่ยม จนสามารถพาคนดูอย่างเราหลุดเข้าไปในเรื่องราวของเขาได้อย่างไม่รู้ตัว
ถึงแม้ Yorgos Lanthimos จะเป็นตัวเต็งอันดับสุดท้ายในลิสต์นี้ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือชื่อของผู้กำกับภาพยนตร์ที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด
Deadline
Adam McKay คือผู้กำกับชั้นเชิงแพรวพราววัย 50 กะรัตจาก Philadelphia ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยทำเราทึ่งมาแล้วจากวิธีการเล่าเรื่องแสนสร้างสรรค์ในภาพยนตร์วิกฤตการเงินเมื่อ 4 ปีที่แล้วอย่าง ‘The Big Short’ ครั้งนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับ ‘Vice’ ภาพยนตร์ที่ปลดปล่อยศักยภาพด้านการแสดงของ Christian Bale ออกมาได้อย่างเต็มที่
เสน่ห์ในผลงานของ Adam ที่ทุกคนต้องตกหลุมรักคือวิธีการเล่าเรื่อง เขามักจะเล่าเรื่องที่ดูเคร่งเครียดให้ออกมาเปี่ยมอารมณ์ขันแบบตลกร้ายได้เสมอ ถ้าใครเคยดู The Big Short คงน่าจะพอนึกออก เช่นเดียวกันกับใน Vice ที่ถึงแม้เนื้อเรื่องจะเป็นภาพยนตร์การเมืองเต็มอัตรา เพราะมันคือภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ Dick Cheney รองประธานาธิบดีในตำนานของสหรัฐอเมริกา แต่ Adam กลับทำให้ Vice เป็นภาพยนตร์ที่ต่อให้คุณไม่สนใจการเมืองเลยแม้แต่น้อยก็สามารถสนุกไปกับมันได้
สำหรับเรา Vice คือภาพยนตร์ที่เป็นการการันตีว่า Adam Mckay ได้เข้าสู่เส้นทางการเป็นผู้กำกับสายรางวัลเต็มตัว หลังจากใช้เวลาฟูมฟักตัวเองอยู่นานพอสมควรกับภาพยนตร์คอมเมดี้ตลกโปกฮาที่สนุกแต่ไม่ถูกใจคณะกรรมการ
Hypefresh
ถือว่าเป็นผู้กำกับรุ่นเก๋าอีกหนึ่งคนที่กลับมาผงาดได้ในปีนี้สำหรับ Spike Lee ผู้กำกับที่สร้างสรรค์ภาพยนตร์เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้คนผิวสีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น Do the Right Thing, Jungle Fever, หรือที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Malcolm X
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะ BlacKkKlansman คือภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวการแฝงตัวเข้าไปในสืบสวนหาความจริงใน ‘Ku Klux Klan’ ขบวนการชาตินิยมผิวขาวสุดโต่ง โดยมีฉากหลังเป็นประเทศสหรัฐอเมริกายุค 70
แม้จะเป็นภาพยนตร์เพื่อสิทธิคนผิวสี แต่ Spike Lee ก็ไม่ได้เน้นขายดราม่า บีบน้ำตาคนดูแต่อย่างใด เขาเล่าเรื่องประเด็นที่ละเอียดอ่อนออกมาได้อย่างสนุกน่าติดตาม และนี่คงเป็นสิ่งที่โดนใจคณะกรรมการจนทำให้ชื่อของเขาได้เข้ามาอยู่ในรายนามผู้เข้าชิงปีนี้
GeekTyrant
ต้องโทษ Alfonso Cuaron ที่ทำให้การชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้จืดชืดไปโดยสิ้นเชิง เพราะเขาคือเต็ง 1 ชนิดที่ทิ้งห่างคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น และยากเหลือเกินที่จะมีปาฏิหาริย์ล้มยักษ์เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เขาเนรมิตรใน ‘Roma’ คือความงดงามของศิลปะภาพยนตร์ที่ยากจะหาเรื่องใดเทียบ
ทุกอย่างที่เขาถ่ายทอดออกมามันทั้งสวยงาม โหดร้าย จับใจคนดู และจริงอย่างที่สุด และถึงแม้มันจะไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษขั้นสูงเหมือนใน ‘Gravity’ ภาพยนตร์เรื่องก่อนที่เคยพาเขาคว้ารางวัลนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ความเรียบง่ายใน Roma นี่แหละคือไม้เด็ดพิชิตใจคนดูและคณะกรรมการได้อยู่หมัด
Roma คือ ‘ภาพยนตร์แห่งชีวิต’ ของ Alfonso Cuaron ที่ทุกคนควรหาโอกาสดูให้ได้สักครั้งก่อนตาย
เราคงไม่กล้าสวนกระแส เพราะทั่วทั้งโลกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือปีของ Alfonso Cuaron อย่างแท้จริง และเขาจะคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมไปครองแน่นอน ถึงแม้ว่า Roma จะประทับตราสีแดงของ Netflix ที่กรรมการออสการ์เกลียดเข้าไส้เอาไว้ก็ตาม
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ครั้งหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์นี้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นตอนของสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแน่นอน รอติดตามกันได้เลย