

Entertainment
OTAKU 101: ย้อนความทรงจำ ‘5 แอนิเมชันจาก STUDIO GHIBLI’ ที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจ
By: unlockmen January 8, 2019 133689
นับตั้งแต่ When Marnie Was There เข้าฉายในปี 2014 เป็นเวลากว่าเกือบ 5 ปีแล้วที่เราไม่ได้เห็นผลงานใหม่จาก Studio Ghibli อีกเลย ตามนโยบายพักการผลิตที่ทางสตูดิโอเคยประกาศออกมา แม้ตอนนี้จะมีข่าวเกี่ยวกับ How Do You Live? ผลงานเรื่องใหม่ออกมา แต่ทุกอย่างก็ยังดูคลุมเครือ มีเพียงชื่อของ ฮายาโอะ มิยาซากิ นั่งแท่นผู้กำกับ และจะเข้าฉายในปี 2020 เท่านั้น
ดังนั้นเพื่อให้หายคิดถึง วันนี้กีค Studio Ghibli อย่างเราจะมาเขียนถึง 5 แอนิเมชันในความทรงจำจากสตูดิโอในตำนานนี้ จะมีเรื่องไหนกันบ้างและจะตรงใจชาว UNLOCKMEN หรือเปล่า
ต่อให้คุณจะไม่ใช่แฟนหรือไม่แม้จะรู้จัก Studio Ghibli เลยด้วยซ้ำ แต่เชื่อว่าทุกคนน่าจะคุ้นตากับเจ้าสัตว์สีเทาร่างกลมยักษ์ที่ต่อมาได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของทางสตูดิโออย่างแน่นอน เป็นข้อพิสูจน์ชั้นดีว่าแอนิเมชันเรื่องนี้ประสบความสำเร็จขนาดไหน
แต่ภายใต้รูปลักษณ์น่ารักแบบนี้ ถ้าใครเคยดู My Neighbor Totoro น่าจะทราบดีว่ามันแฝงไปด้วยความละมุนและลึกซึ้งขนาดไหน ผลงานแอนิเมชันลำดับที่ 3 ของ Studio Ghibli เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัว ๆ หนึ่งที่จำเป็นต้องย้ายจากเมืองใหญ่สู่ชนบทอันห่างไกลเนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้เป็นแม่
นี่จึงเปรียบเสมือนการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่ของครอบครัวนี้ โดยเฉพาะกับลูกสาวทั้ง 2 ที่อยู่ในวัยกำลังซน อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพราะพวกเธอทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจากภูตป่าตัวกลมโตหน้าตาน่ารัก ที่เข้ามาทำให้แต่ละวันของพวกเธอเต็มไปด้วยสีสัน
นี่คือแอนิเมชันที่ไม่ว่าจะหยิบมาดูเมื่อไหร่ก็อบอุ่นหัวใจเมื่อนั้น ถึงแม้ว่าการตีความตอนจบตามทฤษฎีจะทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรก็ตาม แต่ทุกคนก็ไม่ควรพลาดแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่ดี
นับตั้งแต่ออสการ์มีรางวัลสาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมขึ้นมาในปี 2001 จนถึงปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่กลับมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่แอนิเมชันจากฝั่งตะวันออกสามารถคว้ารางวัลนี้ไปครองได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ Spirited Away ผลงานกำกับระดับมาสเตอร์พีซขึ้นหิ้งของ ฮายาโอะ มิยาซากิ เพียงเท่านี้ก็น่าจะยืนยันได้เป็นอย่างดีแล้วว่าแอนิเมชันเรื่องนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน
Spirited Away ว่าด้วยเรื่องราวของ จิฮิโระ โองิโนะ เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่บังเอิญพลัดหลงกับพ่อแม่ หลุดเข้าไปในมิติลึกลับที่เต็มไปด้วยภูตผีปีศาจและเรื่องเหนือธรรมชาติมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ฮากุ อีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง โดยภายในโลกแห่งภูตินี้จิฮิโระต้องเผชิญกับการผจญภัยเหนือจินตนาการมากมาย
ถึงแม้จะเป็นแอนิเมชั่นแนวผจญภัยแฟนตาซีตามฉบับนิยม แต่ Spirited Away กลับแฝงไปด้วยข้อความสะท้อนสังคมเชิงสัญญะมากมาย ถ่ายทอดออกมาได้อย่างกลมกล่อมและละมุนละไม เราจึงไม่แปลกใจเลยที่กับการคว้าตุ๊กตาทองของผู้กำกับ ฮายาโอะ มิยาซากิ
สำหรับแอนิเมชั่น 2 เรื่องด้าบนนั้น ถ้าใครพอจะติดตามวงการแอนิเมชันญี่ปุ่นอยู่บ้างน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับ From Up on Poppy Hill ที่เราจะเขียนถึงต่อไปนี้คงมีน้อยคนที่รู้จัก เนื่องจากผลงานของ โกโร มิยาซากิ เรื่องนี้ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่สำหรับเรามันคือแอนิเมชันที่อบอุ่นหัวใจที่สุดเรื่องหนึ่ง
From Up on Poppy Hill ว่าด้วยเรื่องราวในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเร่งพัฒนาโตเกียวเพื่อรับมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อน 1964 มะสึซากิ อูมิ เด็กสาววัย 16 ปี ผู้สูญเสียบิดาไปในสงครามเกาหลี อาศัยอยู่ในบ้านโคะกุริโกะ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองท่าโยโกฮามา เพื่อระลึกถึงบิดา ทุกเช้าเธอจะชักธงสัญญาณแบบเดียวกันขึ้นที่บ้านของเธอ
ชีวิตของอูมิดำเนินไปอย่างเรียบง่าย จนวันหนึ่งเธอได้พบกับ คาซามะ ชุน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน ผู้ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการรณรงค์ต่อต้านการรื้อถอนอาคาร ‘ละติน ควอเตอร์’ อาคารเก่าแก่ภายในโรงเรียน อูมิจับพลัดจับผลูเข้าร่วมการรณรงค์กับชุน ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ความจริงบางอย่างถูกเปิดเผย…
เราไม่ขอสปอย เอาเป็นว่าใครที่ดูแอนิเมชั่นของ Studio Ghibli มาหลายเรื่อง แต่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้ เราแนะนำให้รีบไปหามาดูโดยด่วน
ถ้าคุณอยากรู้ว่ากว่าที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Studio Ghibli และผู้ที่ใครหลายคนให้ฉายาว่า ‘บิดาแห่งภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่น’ จะมาถึงจุดนี้ได้นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องลำบากตรากตรำแค่ไหน แอนิเมชั่นเรื่อง The Wind Rises คือคำตอบ เพราะนี่คือผลงานที่ฮายาโอะตั้งใจให้เป็นผลงานชิ้นปัจฉิม เขาจึงหยิบเรื่องราวชีวิตของ จิโร โฮะริโกะชิ วิศวกรชาวญี่ปุ่นผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างเครื่องบินรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฮายาโอะคงเล็งเห็นว่าชีวิตเขาและจิโร่นั้นมีความคล้ายคลึงกันในหลายแง่มุม
ทุกอย่างใน The Wind Rises นั้นถูกนำเสนอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นแอนิเมชั่นที่มีครบทุกรสชาติ ไม่หวานจนเลี่ยน ไม่ขมจนแหยง แต่เป็นรสชาติของชีวิตจริงที่ไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาได้
The Wind Rises เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่ไม่มี End Credit แต่กลับสะกดเราให้ไม่สามารถลุกขึ้นจากที่นั่งได้ ว่ารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไฟโรงหนังเปิดนั่นแหละ เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย จนกว่าคุณจะหามาชมด้วยตัวเอง
ไม่เฉพาะแค่แอนิเมชัน แต่นี่คือภาพยนตร์ที่ทำให้เราร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต
ถึงแม้หน้าหนังของ The Tale of the Princess Kaguya ที่หยิบยกเรื่องราวนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ มาเล่าจะดูเข้าถึงยาก เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ดูโบราณ นอกจากนั้นยังเลือกวิธีการเล่าเรื่องผ่านแอนิเมชันสีน้ำที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นชิน แต่ในเมื่อ The Tale of the Princess Kaguya กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาตะ อีกหนึ่งตำนานแห่ง Studio Ghibli ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ตีตั๋วเข้าไปชม
และอิซาโอะก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เขานำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ออกมาได้อย่างงดงาม ลงตัวในทุกรายละเอียด สัมผัสได้ถึงความประณีตของผู้สร้างสรรค์
The Tale of the Princess Kaguya เริ่มต้นด้วยการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ก่อนที่จะปล่อยของเต็มที่ในช่วงท้ายของเรื่อง ทำเอาเราน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ถึงจะเศร้าแต่มันก็ตราตรึงในใจเราอย่างไม่รู้ลืม
ใครคิดว่าตัวเองใจแข็งร้องไห้ยาก อย่าเพิ่งมั่นใจก่อนจะได้ดู The Tale of the Princess Kaguya
และนี่คือทั้ง 5 เรื่องที่เราเลือกมา ซึ่งจริง ๆ แล้วผลงานทั้ง 21 เรื่องของ Studio Ghibli ทั้งหมดเคยผ่านตาเรามาแล้ว แต่นี่คือเรื่องที่ประทับใจเราที่สุด แล้วสำหรับคุณล่ะ แอนิเมชั่นของ Studio Ghibli เรื่องไหนที่ตราตึงใจที่สุด ถ้ามีเวลาว่างลองหยิบมันขึ้นมาดูอีกรอบสิ เพราะบางทีคุณอาจจะลืมไปแล้วว่าคุณประทับใจมันมากแค่ไหน