

Life
SELF-DEVELOPMENT: ไม่ถึง 2 ปีชีวิตก็ดีขึ้นได้ ด้วย 5 สิ่งที่ควรทำเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างยั่งยืน
By: unlockmen August 6, 2018 115905
ทุกการเปลี่ยนแปลง ย่อมดีเสมอ…
ตามธรรมชาติของคนที่มี growth mindset ที่เชื่อว่าความสามารถนั้นเกิดจากความพยายาม ชอบขวนขวายสู่ความสำเร็จ และมองความท้าทายหรือความล้มเหลวเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองนั้น ชีวิตนี้มักจะไม่เคยหยุดอยู่กับที่ มีโอกาสอะไรดี ๆ เข้ามาก็มักจะลุยเพื่อผลลัพธ์คือประสบการณ์ที่จะทำให้แกร่งขึ้น เก่งขึ้น เข้าใจมากขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ใคร ๆ ก็อยากจะขอคำแนะนำเพื่อนำมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้บ้าง
ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ประสบความสำเร็จจนได้รับคำชื่นชมนั้นมักจะถูกตั้งคำถามว่า “คุณเปลี่ยนชีวิตคุณภายในสัปดาห์เดียว เดือนเดียว หรือปีเดียวได้อย่างไร ? “ อันที่จริงแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าย่อมใช้เวลาเสมอ โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาตัวเองหลายท่านได้ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองของมนุษย์นั้น จะใช้เวลาประมาณ 18-24 เดือนต่อเนื่องกันจึงจะได้ผลอย่างยั่งยืน ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำวิธีการพัฒนาตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ภายใน 2 ปีนี้ ขอบอกว่าไม่ยาก แต่ต้องใช้ระเบียบวินัยและความอดทนจึงจะเห็นผล ว่าแล้วก็เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้เลย
“สุขภาพ” เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดได้ถึงขีดความสามารถในการล่าความสำเร็จในทุกด้านในชีวิต ถ้าสุขภาพเราเสื่อมโทรม ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ก็จะไม่สามารถปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุดของตัวเองออกมาได้ ลองทำตามลิสต์นี้ต่อเนื่องกัน 2 ปี รับรองว่าดีกับชีวิต
จะสังเกตได้ว่าวิธีการดูแลสุขภาพข้างบนนั้นไม่ได้ใช้ต้นทุนอะไรมากมาย ใช้แค่การ “ตัดสินใจทำ” แค่นั้น เพราะหลายข้อในนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าควรทำ แค่อาจจะยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างจริงจังเท่านั้นเอง
“Lay one brick a day = ก่ออิฐวันละก้อน ” สำนวนภาษาอังกฤษง่าย ๆ แต่ความหมายนั้นสอนใจได้ดี การจะประสบความสำเร็จอะไรตามเป้าหมายในอีก 24 เดือนข้างหน้านั้น เกิดจากการค่อย ๆ ทำ แต่ต้องทำต่อเนื่องทุกวัน
โดยใน 1 วันพยายามทำแค่ 1 สิ่งที่จะนำพาให้เราสู่เส้นชัยก็พอ แต่ทำมันให้ดีที่สุด ครบถ้วน เพื่อเป็นรากฐานที่ยอดเยี่ยมในการก่อสร้างความสำเร็จ เช่น เก็บเงินวันละไม่กี่บาทแบบไม่ให้ตัวเองเจ็บตัว สองปีข้างหน้ามันก็จะกลายเป็นเงินก้อน ไม่ก็มีโปรเจ็คต์ใหญ่ ๆ ก็ให้วางแผนค่อย ๆ ทำทุกวัน วันละหนึ่งหัวข้อเล็กแบบเน้น ๆ จะได้รู้สึกว่าไฟไม่ลน ไม่มีดินมาพอกหางหมู ส่งงานได้ทัน มีคุณภาพ แถมได้พักผ่อนเพียงพอ ไม่ต้องโหมหนักในช่วงโค้งสุดท้าย อดทนและสม่ำเสมอเข้าไว้ รับรองว่าผลที่ได้เกินคุ้ม
ถ้าเราไม่รู้จักการใช้เวลาเพื่อล้างใจ เคลียร์ความคิดบ้าง เราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลชีวิตตัวเองได้ เข้าใจว่าในโลกปัจจุบันนั้นทำยากกว่าเมื่อก่อนเยอะ เพราะสิ่งรบกวนที่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยปลายนิ้วมักจะดึงเราเข้าไปสู่โลกโซเชียลอย่างง่ายดาย
แนะนำให้ใช้เวลาหนึ่งวันต่อสัปดาห์ในการโฟกัสกับตัวเอง กับเป้าหมายชีวิต ความฝัน ค้นหาตัวตน และอะไรคือสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขในชีวิต ใช้วิธีแบบคลาสสิคเลยก็ได้ เช่นจดบันทึกความคิดและความรู้สึกของเราเอาไว้ และหาเวลานั่งสมาธิเพื่อกลั่นกรองทุกสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในสมอง แม้จะทำงานหนักแทบทุกวัน แต่ก็ควรหาเวลาทบทวนตัวเองบ้าง ลองทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ความสับสนจะค่อย ๆ น้อยลงไปเรื่อย ๆ
ความสำเร็จไม่ได้ได้มาเพราะความฉลาดเฉลียวที่สุด หรือเพราะความแข็งแกร่งมากที่สุด แต่มันมักจะได้มาเพราะทักษะ
เวลาที่คุณมีทักษะความสามารถที่ตลาดกำลังต้องการ ก็จะมีคนอยากจะทุ่มทุนเพื่อนำคุณไปร่วมงานด้วย หรือในเรื่องการใช้ชีวิต ถ้าคุณมีทักษะการสื่อสารที่ดี แสดงความรู้สึกได้เหมาะสม คนรอบข้างก็จะแฮปปี้กับคุณ ยิ่งมีทักษะหลากหลายแบบชายชาตรี ก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจจากสาว ๆ ได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นลองจัดเวลาวันละ 30 นาที เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อความสนุกและประโยชน์กับชีวิต อาจจะเป็นการเขียนโปรแกรม, ลับคมการตลาด, วิเคราห์โซเชียลเน็ตเวิร์ก, การขาย หรือการเจรจาทางธุรกิจ อย่าหายใจทิ้งปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ได้เสริมอาวุธให้กับตัวเอง
ชีวิตนี้สั้นนัก วันหนึ่งทุกคนก็ต้องไป แม้แต่บุคคลที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลกใบนี้ ดังนั้นควรหยุดความเคร่งเครียดลงบ้าง สูดหายใจลึก ๆ ผ่อนคลาย ปลดปล่อยความกดดันให้ลอยไปในอากาศ ทุกอย่างในธรรมชาติคือความพอดี ชีวิตนี้ก็ไม่ควรตึงจนเกินเหตุ และก็ไม่จำเป็นต้องทำให้โลกรู้ว่าเรานี่มันชายสาย work hard ทำงานหนักโลกต้องรู้ เอาจริง ๆ นอกจากคนรอบข้างที่เขาแคร์คุณแล้ว แทบไม่มีใครสนใจว่าคุณจะต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวันเลยนะ
จงเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต หาความสนุก ปลาบปลื้มกับสิ่งที่เป็นปัจจุบัน สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ และตรงนี้ เพราะมันคือตัวตนคุณในเวอร์ชั่นล่าสุดที่ค่อย ๆ อัพเกรดตัวเองจนถึงลมหายใจสุดท้าย ขอเน้นย่ำอีกครั้งว่า ความสุขนี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการเหนือสิ่งอื่นใด
แล้วถ้ามันไม่ถึงฝั่งฝันสักทีหละ ?
แม้ว่าทุกอย่างมันจะไม่ได้เป็นไปตามที่ใจหวังแม้จะทำสิ่งที่แนะนำไปแล้วมา 2 ปี แต่ตราบใดที่เรามีสุขภาพดี มีมิตรสหายที่ยอดเยี่ยม การเงินลงตัว พอเพียงกับชีวิต เท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว บางทีชีวิตนี้ก็อาจไม่ต้องการอะไรมากก็ได้ เพียงแค่ได้หายใจอย่างมีความสุขโดยไม่เดือดร้อนใคร มีคนรอบข้างที่เข้าใจกัน และได้ปลดล็อกรวมถึงพัฒนาตัวเองในสิ่งที่อยากทำ ก็น่าจะเป็นชีวิตที่สุดยอดแล้ว